
ส.ป.ก.ลงนามความ ร่วมมือกับ 15 หน่วยงาน เสริมพลังทัพร่วมพัฒนาพื้นที่และเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน จัดงาน ณ อาคารศาลาพระมิ่งขวัญ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร (ในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรเดิม) อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ส.ป.ก. บันทึกลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ : MOU 15 หน่วยงาน ยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ในพื้นที่ คทช. พื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรฯ และพื้นที่อื่นในเขตปฏิรูปที่ดิน เสริมศักยภาพแหล่งน้ำ พัฒนา อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรดิน พร้อมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ สวัสดิการสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกษตรกร ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 16 หน่วยงาน โดยมี นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวต้อนรับ และ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ กล่าวรายงานความเป็นมาการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ : MOU ในวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ณ อาคารศาลาพระมิ่งขวัญ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร (ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรเดิม) อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยทุกหน่วยงานจะร่วมกันทำงาน คือ 1) บูรณาการวางแผนและสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ ในพื้นที่ยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2559 สั่ง ณ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 พื้นที่ตามนโยบายรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพื้นที่อื่นในเขตปฏิรูปที่ดิน 2) ให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินมีระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และเกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินสูงสุด 3) ความร่วมมือในการให้องค์ความรู้และสนับสนุนทางเทคนิควิชาการ ในการวางแผน ออกแบบ และก่อสร้าง เพื่อยกระดับงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตปฏิรูปที่ดินให้เกิดศักยภาพสูงสุด 4) เป็นการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมสวัสดิการสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้ที่มั่นคง

สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นการร่วมมือระหว่าง 1.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 2.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 3.สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน 4.กรมชลประทาน 5.กรมทรัพยากรน้ำ 6.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 7.กรมพัฒนาที่ดิน 8.กรมโยธาธิการและผังเมือง 9.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 10.กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 11.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล 12.สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) 14.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) 15.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ16.มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า “ในการลงนามความร่วมมือ MOU ครั้งนี้ เราจะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ เช่นการพัฒนาด้านน้ำนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันกำหนดแผนงาน การสำรวจออกแบบพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำในเขตปฏิรูปที่ดิน เช่น บ่อน้ำบาดาล สระเก็บน้ำประจำแปลงเกษตรกรรม เป็นต้น ส่วนด้านดินจะร่วมกันปรับปรุง พัฒนาทรัพยากรดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการเกษตร พร้อมทั้งอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรดินและน้ำให้เกิดความยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังออกแบบวางผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน ออกแบบผังชุมชน ผังแปลงเกษตรกรรม ให้สอดคล้องกับผังเมืองรวมของจังหวัด จัดทำแผนขยายเขตไฟฟ้าเข้าพื้นที่ ทั้งยังให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเกษตรกรด้วยการเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการ ทำให้ชุมชนมีศักยภาพสามารถพัฒนาไปสู่การแข่งขันเชิงธุรกิจในอนาคต และการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มพัฒนาอาชีพ ให้มีการต่อยอดการพัฒนาในมิติ 6 ด้าน คือ น้ำ ดิน เกษตร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และพลังงานทดแทน รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมและโครงการที่เป็นประโยชน์กับชุมชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
ข่าว/ภาพ : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักบริหารกลาง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797








