วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดกิจกรรมเนื่องในวันความดันโลหิตสูงโลก” (World Hypertension Day) ณ มุมสร้างสุข อาคารกัลยาณิวัฒนานุสรณ์ (กว.) ชั้น 1 โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยมี ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธี
รศ.พญ.แพรว โคตรุฉิน อาจารย์แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ในนามคณะกรรมการสหสาขาวิชาชีพ โรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาล ศรีนครินทร์: PCT Hypertension กล่าวว่า วันความดันโลหิตสูงโลกเป็นวันสำคัญในการสร้างความตระหนักถึงโรคดังกล่าว เนื่องจากพบปัญหาผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการ จึงไม่คิดว่าเป็นโรคสำคัญ ทั้งยังไม่มีการตรวจวัดความดันจึงไม่ทราบความเสี่ยง สุดท้ายต้องมาพบแพทย์ด้วยภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เกิดเหตุเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ (stroke) หรือมีภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่ทั่วโลกพยายามชักชวนทุกคนมาวัดความดันให้ได้มากที่สุด และให้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันมีผู้ป่วยอายุน้อยเป็นโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้น บางเคสอายุเพียง 30 ปีก็มีความดันโลหิตสูงแล้ว โดยหาสาเหตุอื่น ๆ ไม่พบ แต่มีปัจจัยเสี่ยง คือ มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน หรือนอนกรน ซึ่งอาจเกิดจากไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบันที่สั่งอาหารมารับประทานได้ตลอดเวลา ควบคู่กับการไม่ออกกำลังกาย คือใช้ชีวิตแบบเนือยนิ่ง
“ความดันโลหิตสูงเป็นโรคแห่งความเสื่อมตามเวลา ช่วงแรก ๆ อาจไม่เป็นอะไร แต่หลังจากนั้น 10-20 ปี อาจจะเริ่มมีไตเสื่อม มีโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคสมอง หรือโรคหัวใจ ซึ่งในอดีตพบผู้สูงอายุป่วยเป็นโรคนี้ ทำให้มีร่างกายและสุขภาพเสื่อมตามวัย แต่ปัจจุบันคนอายุ 30 ปีต้น ๆ เริ่มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่ออายุ 50 ปี ก็จะมีสุขภาพเสื่อมถอยคล้ายคนอายุ 60-70 ปีแล้ว ดังนั้น ยิ่งเป็นเร็วยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดความเสื่อมของร่างกายตั้งแต่อายุยังไม่มาก บางรายมีไตวายต้องฟอกไตตั้งแต่อายุ 50-60 ปี การใช้ชีวิตก็จะลำบากยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรงพยาบาลศรีนครินทร์มีการพัฒนาและศึกษาแนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูง อย่างต่อเนื่อง โดยวิธีการล่าสุดสำหรับรักษาผู้ป่วยที่รักษาวิธีการอื่นแล้วไม่หาย ก็คือ การจี้เส้นประสาทไตเพื่อลดความดันโลหิต (renal nerve denervation) ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาหลายชนิดแล้วไม่ได้เป้าหมาย และเริ่มมียาใหม่ ๆ เช่น ยาที่ใช้ควบคุมการแสดงออกทางพันธุกรรมของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับกลไกการเกิดความดันโลหิตสูง (RNA interference) แต่สุดท้ายปัญหาสำคัญคือ ไม่ว่าการรักษาจะก้าวหน้าไปเท่าไร แต่สุดท้ายหากคนไข้ไม่เข้ารับการรักษาโอกาสที่จะดีขึ้นก็ยาก ดังนั้น จึงขอฝากให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการวัดความดันโลหิต มีเครื่องวัดความดันโลหิต 1 บ้าน 1 เครื่อง และเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวสรุปท้าย โดยเน้นย้ำว่าการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นการป้องกันโรคที่ดีที่สุด เพราะโรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบ หากไม่ตรวจย่อมไม่ทราบและไม่ได้รับการรักษา ที่สำคัญหากทุกบ้านมีเครื่องวัดความดันโลหิต 1 เครื่อง ใช้วัดความดันทุกคนในบ้าน จะมีประโยชน์ในการป้องกันโรคและคุ้มค่าต่อสุขภาพมาก หรือหากไม่มี ถ้าพบจุดวัดความดันโลหิตที่ใดแนะนำให้เข้าไปตรวจวัดเพื่อทราบค่าความดันโลหิตของตนเองได้
ทั้งนี้ ภายในงานมีการให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของโรค การวัดความดันโลหิต และการตรวจคัดกรองวัด ความดันโลหิต สาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การปั๊มหัวใจ การสาธิตอาหารสุขภาพสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง การใช้ยาที่ถูกต้อง การเล่าประสบการณ์ดีดีของผู้ป่วยต้นแบบที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีและควบคุมความดันโลหิตได้ ฯลฯ พร้อมมีบูธเครื่องวัดความดันโลหิตในโครงการ “หมอห่วงใย” ตรวจวัดเป็นประจำ รู้ค่าความดัน ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจวาย เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมารับเครื่องวัดความดันฟรี และผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อรับเครื่องวัดความดันโลหิต โดยสามารถนำใบเสร็จรับเงินไปลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ