
มข. ลงนามกับ BAFS ร่วมขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน ยกระดับสู่ความมั่นคงด้านพลังงาน คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดี
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ BAFS Grand Hall ชั้น 3 อาคาร 9 สถานีบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยานดอนเมือง บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเพื่อวิจัยและพัฒนาน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี และ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS นำโดย หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหารและคณะนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร และทีมบริหารบริษัทบริการเชื้อเพลิง ฯ รวมถึง รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ นักวิจัยอาวุโส ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ประสานงานความร่วมมือเพื่อทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษา กับภาคเอกชน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฯ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นจาก ความตระหนักร่วมกันถึงวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ และส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วน ประชาคมโลกจึงประกาศเจตนาร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ได้ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608
BAFS ในฐานะผู้ให้บริการและตรวจสอบรับรองคุณภาพน้ำมันอากาศยานด้วยประสบการณ์ในการปฏิบัติภารกิจส่งมอบน้ำมันอากาศยานที่ได้คุณภาพให้กับทุกเที่ยวบินตามมาตรฐานสากลมาตลอด 40 ปี เล็งเห็นว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบุคลากร นักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในด้านพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกจากพืช การพัฒนาสายพันธุ์พืช รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมสำหรับพัฒนาการผลิตน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดยBAFS ยินดีที่จะสนับสนุนการวิจัยและ การพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดประสิทธิภาพสูง การผลิต SAF รวมถึงการทดสอบคุณภาพของ SAF รวมถึงการพัฒนาโรงงานต้นแบบผลิตน้ำมัน SAF ที่เป็นไปตามมาตรฐานการบินสากล
“เชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์ ความชำนาญที่มีมาอย่างยาวนานของสถาบันการศึกษาทั้งสองสถาบัน จะทำให้ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการผนึกกำลังเพื่อพัฒนา SAF ให้เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินด้วยพลังงานสะอาด ยกระดับภาคการเกษตรของไทย และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป” หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ กล่าวในท้ายที่สุด

ด้าน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ทางบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นสถาบันการศึกษา ที่มีนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ พลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อในการผลิตเชื้อเพลิง อากาศยานในอนาคต ซึ่งมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ (Key Performance Index หรือ KPI) ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งในประเด็นยุทธศาสตร์ในการปรับเปลี่ยนการทำงานวิจัย (Research Transformation)

อธิการบดี กล่าวต่อว่า สำหรับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ด้านการสร้างระบบนิเวศของการวิจัย (Research Ecosystem) นั้นจะทำให้ภาคเอกชนได้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยหรือบริการวิชาการด้านการวิจัย ทั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ต่างมีเป้าหมายเดียวกันที่จะสนับสนุนร่วมมือวิจัยและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานเพื่อความยั่งยืน ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ และขยายไปสู่กระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อนำสู่การยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) และสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะสร้างพลังทวีคูณ ส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงาน คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืนสืบไป

ทั้งนี้ การจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเพื่อวิจัยและพัฒนาน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่นและบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่ง ที่สำคัญในการร่วมขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของประเทศไทย
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797





