เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ส.ค.2566 รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า ใ การเมืองไทยตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วหลังจากที่พรรคเพื่อไทยฉีก MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล และก็เป็นที่น่าเห็นใจกับคนเสื้อแดงซึ่งบางส่วนยังคงศรัทธา แต่ส่วนใหญ่ มองว่าพรรคเพื่อไทยทิ้งอุดมการณ์ที่เคยพูดไว้กับประชาชน โดยใช้ข้ออ้างว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ร่างมาจากเผด็จการ ซึ่งเป็นข้ออ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรม เพราะพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการอำนาจฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว และมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหลายอย่าง เริ่มจากบันไดขั้นแรกคือต้องการเป็นประธานสภา แต่ก็พลาดไปเพราะเวลานั้นจะต้องเลือกกระแสนิยมหรือวาระซ่อนเร้นทางการเมือง จนสุดท้ายมาฉีกMOU 8 พรรคร่วมรัฐบาลทิ้ง ผลักก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วหันไปคบกับศัตรู แทนที่จะยังคบหากับมิตรเหมือนเดิม เพื่อที่จะให้ได้เสียงของ สว.เข้ามาในการเลือกนายกรัฐมนตรีไปสู่การตั้งรัฐบาลเพื่อไทย
“บอกเลยว่าพรรคเพื่อไทยนั้นตกหลุมพรางทางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสุดท้ายผลประโยชน์จะตกไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะทุกคนในฝ่ายอนุรักษ์นิยมและเสียงสว.พร้อมที่จะยกมือให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่แล้วซึ่งมีเสียงสนับสนุนเกินที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประกาศอุดมการณ์ชัดในการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะต้องไม่มีเผด็จการร่วมรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยเองมีความมั่นใจมาตลอดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนรวมทั้งปัญหาอื่นๆและจะสามารถบริหารประเทศได้จากประสบการณ์ในยุคของพรรคไทยรักไทย ซึ่งตรงนี้เองเป็นแนวความคิดของพรรคเพื่อไทยที่คิดผิดอย่างมหันต์ แม้โครงการต่างๆนโยบายต่างๆในยุคของไทยรักไทย จะได้รับความนิยมสูงจนได้รับชัยชนะในครั้งนั้น แต่ปัจจุบันการเมืองเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ทุกคนมีความรู้ มีความคิด มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ก็จะตั้งคำถามขึ้นมาว่าพรรคเพื่อไทยทิ้งอุดมการณ์เดิมหรือไม่ แม้เศรษฐกิจจะดีขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าประชาชนจะสนับสนุนเป็นคะแนนนิยมเหมือนกับยุคไทยรักไทย เช่นบางโครงการบางนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลดแลกแจกเงิน ประชาชนชอบและรับเงินมา แต่ไม่เลือกเพราะ ทุกคนรู้ว่าเงินเหล่านั้นมาจากภาษีประชาชน อาจจะทำให้เพื่อไทยมีปลายทางเดียวกันกับ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อย่าคิดว่าประชาชนติดหนี้บุญคุณแล้วครั้งต่อไปประชาชนจะยังเลือกอยู่“
รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า เวลานี้พรรคเพื่อไทยเหมือนตกอยู่ในห้อมล้อมของศัตรู หลังจากที่เพื่อไทยฉีก MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล แล้วผลักก้าวไกลออกไปคบกับศัตรู โดยตกหลุมพรางจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมทันที ยอมทำตามเงื่อนไขที่ไม่เอาพรรคก้าวไกล และมีเงื่อนไขยิบย่อยต่างๆออกมาอีกหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้หากปล่อยเวลาไว้นาน ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็จะยิ่งตั้งตัวได้ เหมือนสถานการณ์ตอนนี้ที่ทาฃฝ่านอนุรักษ์นิยม ใช้ศัตรูทำลายศัตรู ส่วนผลประโยชน์ต่างๆตกไปอยู่ที่ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านการโหวตจากด่านสว. 250 เสียง และผลเสียที่จะตามมาอีกอย่างหากยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ค่าพลังงานโดยเฉพาะค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ก็จะสูงขึ้น ทั้งยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองจากกลุ่มนักลงทุน เพราะนายทุนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ไม่เหมือนต่างประเทศ เพราะ นายทุนไทยจะมองแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้เป็นสำคัญ ทำให้เสถียรภาพทางการเมืองก็จะวนเวียนอยู่เช่นนี้ต่อไป ทำให้เกิดความน่าเสียดายและน่าอับอายที่เราเดินมาถึงขนาดนี้แต่กลับเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ