วันอาทิตย์, 11 พฤษภาคม 2568

คนขอนแก่น ร่วมลงชื่อคัดค้านการไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

คนขอนแก่น ร่วมลงชื่อคัดค้านการไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ขณะที่นักวิชาการเผยหากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งกระทบหลายภาคส่วน เพราะขณะนี้กัญชาได้ถูกใช้ในระบบการแพทย์ลงตัวแล้ว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้าน K CANNABIS Stonre ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานสมาคมกัญชาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 22/25 ถ.อำมาตย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้กำหนดจัดเวทีเสวนาพร้อมเสนอความคิดเห็น และร่วมลงชื่อไม่นำกัญชากลับสู่ยาเสพติด เชื่อว่าจะทำให้องค์ความรู้ด้านกัญชาถอยหลัง ชี้ขอให้มีกฎหมายเฉพาะควบคุมจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ โดยมีประชาชนและองค์กรภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

นายสรสิทธิ์ ศิธรวรรณ ผู้ก่อต้องสมาคมกัญชาจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สมาคมกัญชาจังหวัดขอนแก่น นำโมเดลการดำเนินการมาจากภูเก็ต ซึ่งในฐานะผู้ก่อตั้ง ต้องการรวบรวมผู้ประกอบการ ผู้ป่วย แพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน ที่ต้องการใช้กัญชารักษาโรค มารวมตัวกันแล้วแลกเปลี่ยนความรู้ การใช้กัญชาที่ถูกต้อง พร้อมทั้งมีความพยายามขยายเครือข่ายกัญชาทางการแพทย์ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนการดำเนินการให้กัญชาเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย เกิดการพัฒนาคุณภาพกัญชา ให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นในการใช้กัญชา

“การเปลี่ยนให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ลงทุนไปแล้ว เกิดความไม่แน่นอน ไม่มั่นใจด้านการลงทุน ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นน้อยลง ระหว่างนี้ทางสมาคมกำลังรวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทั้งหมด เช่น นักศึกษาที่สนใจ ผู้ป่วยที่ต้องการใช้เป็นยารักษาโรค เพื่อร่วมกันลงชื่อไม่นำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด”

ขณะที่ รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติด เพราะมีวิธีการจัดการควบคุมที่ใช้ได้ผลดีกว่า การร่างกฎหมายกัญชา กัญชงนั้น กรรมาธิการยอมรับแล้วแต่ยังไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น มองว่าการมีกฎหมายเฉพาะควบคุมกัญชาดีที่สุด การนำกัญชากลับเป็นยาเสพติดจะทำให้เข้าเกณฑ์จะทำให้มีการควบคุมเข้มข้น การปลูก การใช้ การครอบครองและการเผยแพร่ จะถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด การนำไปใช้จะต้องมีเอกสารขออนุญาต ส่งผลทำให้คนไข้เข้าถึงการบริการได้ยากและวุ่นวายขึ้น

“ประเด็นสำคัญคือการต่อยอดพัฒนา การศึกษาวิจัย การพัฒนาให้รักษาโรคได้ดีขึ้น หรือการสร้างประโยชน์ให้ทางเศรษฐกิจก็จะหายไป โดยในกลุ่มที่เสียประโยชน์หากมีการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด คือกลุ่มคนไข้ รวมถึงคนที่ไม่ป่วยด้วย เนื่องจากกัญชามีสรรพคุณในการป้องกกันโรคด้วย ที่ผ่านมาคณะกรรมการ กระทรวงสาธารณสุขเอง ประเมินว่าการใช้กัญชาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดี 4 อาการ คือ คลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ลมชักรักษายาก เกร็งในปลอกหุ้มประสาทอักเสบ ปวดระบบประสาท และประเมินว่าน่าจะได้ประโยชน์ 6 อาการคือ พาร์กินสัน ,อัลไซเมอร์ ,ปลอกประสาทอักเสบ ,วิตกกังวล ,มะเร็งระยะท้าย และโรคอื่นๆของผู้ป่วยระยะสุดท้าย นอกจากนี้ต้องวิจัยเพิ่มเติม 1 กรณีคือโรคมะเร็ง การร่วมกันผลักดันให้มีการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคให้เกิดผลในทางปฏิบัติจึงเป็นวาระสำคัญของสังคมไทย พร้อมต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่อย่านำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประชาชนเองต้องช่วยกันเรียกร้อง เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะปลูกและครอบครองกัญชา”

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 DasKLf.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อบจ.ขอนแก่น เดินหน้าปัดฝุ่น บขส.1 จัดระบบขนส่งเขตเมือง-ชอปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ใจกลางเมือง “วัฒนา”เผย อยู่ระหว่างขั้นตอนขอใช้พื้นที่จากกรมธนารักษ์แล้ว
เกษตรกรขอนแก่นกระทบหนัก หลังแอนแทรกระบาดที่มุกดาหารทำให้การส่งออกชะงักและการจำหน่ายในพื้นที่ชะลอตัวลง มั่นใจเจ้าหน้าที่ไทยเก่งแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนเพราะหากเกินกว่านั้นเดือดร้อนหนักแน่
เลือกตั้ง ทน.ขอนแก่น โค้งสุดท้ายคึกคัก “นันทวัลย์” นำทีมกลุ่มรักพัฒนานครขอนแก่น หาเสียงเข้มทุกชุมชน พร้อมระบุ เราเสียโอกาสมา 12 ปี วันนี้ถึงเวลาเปลี่ยนเพื่อเมืองที่ดีขึ้นไม่หวั่นแม้จะสู้กับพรรคดังและกลุ่มนายทุน
สคร.7เข้มมาตรการป้องกันโรคแอนแทรกซ์ ยืนยันภาคอีสานตอนกลางยังไม่พบผู้ติดเชื้อ-กลุ่มเสี่ยง ขณะที่ร้านลาบก้อยขอนแก่น ยันไม่กระทบ เพราะรับเนื้อจากโรงฆ่าสัตว์ได้มาตรฐาน แต่ห่วงการเชือดตามชุมชน 
ตชด.ภ.2 รวบ 3 ผู้ต้องหาลักลอบขนยาไอซ์เข้ามาจำหน่ายในกลุ่มจังหวัดกลาง ได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 450 กก.มูลค่ารวมกว่า 450 ล้านบาท พบขอแถมเป็นยาอี ลาบูบู้ 
มข. รับโล่รางวัลระดับดีเยี่ยม องค์กรส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุประจำปี 2568 ในงาน  “Senior Job Connect”