
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภ.4 สั่งจำคุกประธานสภา-สท.ทต.โนนท่อน รวม 7 คนหลังเรียกรับสินบนและส่วนต่างโครงการช่วยเหลือประชาชนทั้งตำบล 20 โครงการ
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 เม.ย.2566 นายเปรม ประทีปะวณิช ทนายความ ร่วมหารือกับนางสุธาวัลย์ ริมผดี นายก ทต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น และสมาชิกสภาฯ 5 คน เพื่อแจ้งผลคดีภายหลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษา จำคุกประธานสภาฯ,รองประธานสภาฯและสมาชิกสภาฯ ทต.โนนท่อน รวม 7 คน รวม 6 ปี 3 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและประชาชนที่มีส่วนรู้เห็นอีก 1 คนจำคุก 4 ปีโดยไม่รอลงอาญาในฐานความผิดตามมาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่และความผิดตามมาตรา 137 ฐานให้การเท็จ

นายเปรม กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นการยื่นฟ้องตรง จากนายกเทศมนตรี ต่อศาลฯเพื่อเอาผิดประธานสภาฯ,รองประธานสภาฯและสมาชิกสภาฯ ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า การบื่นเอาผิดต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯนั้นจะเป็น ปปช.ยื่นเอาผิดกับนายกฯ แต่คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ศาลท่านได้รับคำฟ้องและพิจารณาตามพยาน หลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ คือนายก ทต.โนนท่อน ได้นำเสนอและแถลงต่อศาล จนนำไปสู่การพิพากษาเอาผิดฝ่ายนิติบัญญัติของเทศบาลฯแห่งนี้ เพราะเป็นการกระทำที่ทุจริตคอรัปชั่นและไม่คำนึงถึงประโยชน์และความเดือดร้อนของประชาชน ศาลท่านจึงมีคำสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา
“คดีนี้ได้ยื่นฟ้องเมื่อเดือน มิ.ย.2565 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ นายก ทต.โนนท่อน ขอเสนอญัตติเข้าที่ประชุมสภาฯ ในการพิจารณาขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม เพื่อนำไปใช้โครงการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้ง 14 หมู่บ้าน รวม 20 โครงการ ซึ่งโครงการทั้งหมดผ่านการทำประชาพิจารณ์และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ถูกต้อง โดยเสนอญัตติต่อสภาฯในวันที 9 พ.ค. เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภาฯเพื่อลงมติ ในวันที่ 19 พ.ค. จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ค.มีบุคคลภายนอกมาขอพบที่ปรึกษานายกฯ เพื่อเจรจาต่อรองและขอให้ ฝ่ายบริหารทำส่วนต่างและทำส่วนแบ่งจากเงินโครงการที่จะทำให้กับฝ่ายสภาฯ ซึ่งฝ่ายบริหารไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการทุจริตคอรัปชั่น การประชุมในวันที่ 19 พ.ค.สภาฯ จึงไม่นำญัตติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ”
นายเปรม กล่าวต่ออีกว่า ด้วยระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการประชุมสภาฯและการเสนอญัตติของฝ่ายบริหารที่จะเสนอต่อสภาฯ ประธานสภาฯในขณะนั้นคือจำเลยที่ 1 คือนายไพวัลย์ อินบุญญา ได้เสนอขอขยายระยะเวลาการประชุม และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 13 มิ.ย.2565 โดยในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ค.จนถึงวันประชุม บุคคลภายนอกคือจำเลยที่ 8 คือนายชนะภัย โสภา ได้โทรศัพท์มาสอบถามและติดต่อที่ปรึกษานายกฯ เพื่อเจรจาขอส่วนต่าง ส่วนแบ่ง และให้ตั้งงบประมาณที่เกินไว้เพื่อให้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นมาเป็นส่วนแบ่งให้กับประธานสภาฯ,รองประธานสภาฯและสมาชิกสภาฯ รวม 7 คน โดยโทรศัพท์มาเจรจาต่อรองให้กับฝ่ายสภาฯ ทั้ง 7 คนโดยตลอด จึงมีการบันทึกเสียงไว้
“เมื่อทราบว่ามีการพยายามให้ฝ่ายบริหารคอรัปชั่น โดยระบุว่าหากฝ่ายบริหารไม่ยอมก็จะไม่ผ่านร่างญัตติว่าด้วยจ่ายขาดเงินสะสมตามโครงการช่วยเหลือประชาชน ก็จะไม่อนุมัติให้ ฝ่ายบริการโดยนายกเทศมนตรี จึงยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริต เนื่องจากรับไม่ได้กับการกระทำของฝ่ายสภาฯ ที่ต้องการคอรัปชั่นโดยไม่คำนึงประชาชน จนกระทั่งการประชุมสภาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย. ประธานสภาฯ ก็มีการบรรจุญัตติเข้าเป็นวาระการประชุม แต่ลงคะแนน 7 ต่อ 5 ไม่ผ่านในเรื่องดังกล่าว ทั้งยังคงมีการแทรกญัตติว่าด้วยการก่อสร้างสะพาน โดยเป็นการเสนอของ สท.ฝ่ายตัวเอง ทั้งที่ฝาายบริหารแย้งแล้วว่าไม่มีอำนาจและประธานสภาฯแจ้งว่า ตัวเองมีอำนาจทำอะไรก็ได้
“เมื่อการประชุมสภาฯครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน และมีคลิปเสียงที่จำเลยที่ 8 โทรศัพท์มาสอบถามและเจรจา กับทีมบริหารโดยตลอด จึงมีการนำคลิปเสียงและเอกสารประกอบต่างๆยื่นเพิ่มเติมต่อศาลจนกระทั่งเมื่อวานทีผ่านมาศาลจึงมีคำสั่งจำคุก จำเลยที่ 1-7 ประกอบด้วย นายไพวัลย์ อินบุญญา ประธานสภาฯ ขณะนั้น,นายฤทธิ์ ดียา สท.,นายสุพชัย ผุยทา สท.,นายบุญสงค์ ก้านขุนทด ประธานสภาฯคนปัจจุบัน,นายอนุสิทธิ์ หาแก้ว สท.,นายสงกรานต์ ศรีทะวงศ์ วท., และนายมงคล คุณพิมพ์ สท. โดยสั่งจำคุกความผิด ตาม ม.149 คนละ 6 ปีและม.137 คนละ 3 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ขณะที่จำเลยที่ 8 นายชนะภัย โสภา มีความผิดตาม ม.149 จำคุก 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งขณะนี้ ทราบมาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 ได้ขอประกันตัว ในขณะที่ฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการต่อในเรืองการถอดถอนสิทธิ์ต่อทางจังหวัดและทาง กกต.ต่อไป”
ขณะที่นางสุธาวัลย์ ริมผดี นายก ทต.โนนท่อน กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ดำเนินการกับคนที่ทุจริตคอรัปช้น โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน เพราะทุกโครงการที่ฝ่ายบริหารนำเสนอต่อสภาฯนั้นเป็นการดำเนินการตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามการประชาพิจารณ์และการประชาคมหมู่บ้าน แต่ฝ่ายสภาฯทั้ง 7 ท่าน กลับมาขอเสนอส่วนต่าง ส่วนแบ่ง โดยมีข้อต่อรองว่าหากไม่ทำตามการประชุมสภาฯต่างๆจะไม่อนุมัติให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่รับฟังการแถลงหรือการนำเสนอของฝ่ายบริหารแต่อย่างใด และต้องการให้ฝ่ายบริหารทำผิดกฎหมายเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงได้มีการปรึกษากับฝ่ายกฎหมายและคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งต้องขอขอบคุณศาลอาญาคดีทุจริตฯ ในการเอาคนผิดมาลงโทษและคืนความยุติธรรมให้กับคนโนนท่อนทั้ง 14 หมู่บ้าน






