วันพุธ, 8 พฤษภาคม 2567

บช.ภ.4 รวบยกแก๊งค์เดอะโอเชียนส์เมืองไทย ขับรถตระเวนเจาะตู้เซฟโชว์รูมรถยนต์ดังทั่วไทย

บช.ภ.4 รวบยกแก๊งค์เดอะโอเชียนส์เมืองไทย ขับรถตระเวนเจาะตู้เซฟโชว์รูมรถยนต์ดังทั่วไทย ก่อนมาหลบอาบแดดริมทะเลหน้าตาเฉย พบประวัติก่อเหตุอื้อ และใช้กลยุทธิ์หลบหนีตำรวจอย่างแยบยล
เมือเวลา 15.00 น.วันที่ 5 เม.ย.2566 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น (บช.ภ.4 ) พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขก,และ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายสิงห์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 365 ม.10 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี,นายเสือ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่บ้านเดียวกัน,นายเข้ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่บ้านเดียวกัน และนายฟรุ๊ค อายุ 22 ปี อยู่บ้สนเลขที่ 13 ม.10 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ทั้งหมดไม่ขอเปิดเผยชื่อและนามสกุล พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน บพ-2787 สระแก้ว ,รถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส หมายเลขทะเบียน กฉ-4405 สระแก้ว,โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง,เครื่อมือช่าง,เหล็กแชลง,ไฟฉาย,ถุงมือรวมทั้งอุปกรณ์งัดแงะรวมหลายรายการ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 จับกุมตัวได้ ขณะนั่งอาบแดดและพักผ่อนริมทะเล ในพื้นที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและอำเภอเดียวกัน โดยนายสิงห์ เป็นหัวหน้าแก๊งค์และมีครอบครัวอยู่ที่ขอนแก่น โดยทั้ง 4 คนมีประวัติและหมายจับในคดีลักทรัพย์มาอย่างโชกโชน จนกระทั่งช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุลักทรัพย์ตู้เซฟโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า เขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.บ้านเป็ด โดยได้ทรัพย์สินไปประมาณ 325,900 บาท จากนั้นก็มีคนร้ายที่มีพฤติกรรมในลักษณธเดียวกันตระเวนก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือน ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น,สระบุรี,มหาสารคาม,อุดรธานี,และปทุมธานี รวมกว่า 10 ครั้งมูลค่าความเสียหายรวม 1,700,000 บาท โดยมีพฤติกรรมเดียวกันคือเข้าไปลักทรัพย์และงัดเฉพาะตู้เซฟเพื่อเอาเงินสดและทรัพย์สินที่อยู่ภายในตู้เซฟของโชว์รูมรถยนต์ชื่อดังเท่านั้น โดยเฉพาะโตโยต้าและฮอนด้า ชุดสืบสวนสอบสวนจึงตรวจติดตามเบาะแส มีการตรวจสอบพฤติกรรมคนร้ายที่มีการก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน รวมไปถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทุกจุดที่คนร้ายก่อเหตุและประสานข้อมูลร่วม บช.ภ. 1 และ บช.ภ.4


“ จากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายที่ 1-3 มีหน้าที่เข้าไปก่อเหตุ โดยก่อนลงมือจะเปลี่ยนชุดแต่งกายเป็นชุดปฎิบัติการ โดยชุดเดิมทุกครั้งที่ก่อเหตุ คล้ายกับว่าชุดที่ใส่คือชุดนำโชค และมีการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถทุกครั้งก่อนก่อเหตุและเมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะเปลี่ยนป้ายทะเบียนจริงใส่กลับคืนเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ และในช่วงก่อเหตุผู้ต้องหาที่ 1-3 จะเป็นคนก่อเหตุโดยสวมหมวกปิดบังใบหน้า ใส่ถุงมือ ซึ่งกาตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบไม่พบ โดยทำการงัดประตู หรือหน้าต่างเข้าไปจากนั้นจะใช้แชลงงัดตู้เซฟและเอาเงินสด ทองคำ หรือทรัพยสินต่างๆไปในการแบ่งที่เท่าๆกันเพื่อใช้ในการเที่ยวเตร่ โดยผู้ต้องหาคนที่ 4 ทำหน้าที่ขับรถดูลาดเลาและขับรถวนไปเรื่อยทั้งในช่วงของการก่อเหตุและหลังก่อเหตุเพื่อตบาการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่และตรวจจับความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่”


ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอีกว่าสาเหตุที่เลือกลงมือเฉพาะโชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อดังเพราะเชื่อว่ามีทรัพย์สินและเงินสด เก็บไว้ในเซฟจำนวนมาก และโชว์รูมรถยนต์มักจะมี รปภ.เฝ้าด้านหน้าคนเดียว จึงง่ายต่อการลงมือก่อเหตุ และในการเข้าไปในตัวอาคารนั้นจะทำการงัดตู้เซฟเพื่อเอาทรัพย์สินอย่างเดียวโดยไม่ยกตู้เซฟออกมา ซึ่งผู้ต้องหารายที่ 1 และ 2 นั้นมีความชำนาญและเชี่ยวชาญเรื่องตู้เซฟและ ผู้ต้องหาคนที่ 1 นั้นตนเองเคยจับกุมผู้ต้องหารายนี้ในคดีงัดตู้เซฟมาแล้วเมื่อปี 2554 เมื่อพ้นโทษจึงยังคงหาทีมซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหมู่บ้านเดี่ยวกันมาทำการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีกครั้ง ซึ่งในการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหาขณะที่ผู้ต้องหาที่ 4 ให้การปฎิเสธ แต่ในการสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-3 ได้ซัดทอดมาและมีพยานหลักฐานชัดเจน ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 มีหมาย 1 หมาย,ผู้ต้องหาที่ 2 มีหมายจับ 4 หมาย,ผู้ต้องหาที่ 3 มีหมายจับ 3 หมายและผู้ต้องหาที่ 4 มีหมายจับ 1 หมาย

อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมมันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางเข้า โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุม พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด นำส่งพนังกานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ท้องที่ต่างๆในหลายจังหวัดได้ปรานขออายัดตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีแล้วเช่นกัน

sXndME.png ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กกต.หวั่นตรวจสอบคุณสมบัติ สว.ไม่ทันภายใน 7 วัน หลังพบคนสนใจสมัครเลือก สว.ปีนี้คึกคัก เดินหน้าติวเข้มผู้ตรวจการณ์เลือกตั้งภาคอีสาน คุมเข้มกระบวนการคัดเลือกให้เป็นไปอย่างรัดกุมและโปร่งใส
“มทบ.23 ต้อนรับทหารใหม่ สร้างความอุ่นใจ เน้นการฝึกตามมาตรฐาน รวมทั้งจะดูแลทหารใหม่เสมือนหนึ่งว่าเป็นญาติคนสำคัญของครอบครัว”
โรงเรียนกวดวิชาแก่นวิทย์เจ๋ง นักเรียนสามารถสอบเข้า ม.1,ม.4 โรงเรียนดังได้กว่า 160 คน
ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ชิ้นแรกของไทย ! จาก มข.คว้า 2 รางวัลนวัตกรรมนานาชาติ ณ นครเจนีวา
สำนักบริการวิชาการ หนุนบุคลากรสายสนับสนุน Upskill ทักษะการเขียนคู่มือปฏิบัติงานหลักเพื่อประเมินค่างานเพื่อการขอตำแหน่งที่สูงขึ้น
แพทย์ มข.เปิด 4 โรคหน้าร้อนพบบ่อยที่ไม่ได้มีแค่ฮีตสโตรก แนะเช็กอาการ พร้อมวิธีป้องกัน