วันเสาร์, 24 พฤษภาคม 2568

“เซ็นทรัลพัฒนา” ย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ไทย มุ่งสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต‘The Ecosystem for All’เชื่อมโยงทุกภาคส่วน พัฒนาเศรษฐกิจและประเทศ

“เซ็นทรัลพัฒนา” ย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ไทย มุ่งสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต‘The Ecosystem for All’เชื่อมโยงทุกภาคส่วน พัฒนาเศรษฐกิจและประเทศ ยกระดับการใช้ชีวิต 360 องศากางแผนลงทุน 5 ปีต่อเนื่อง 135,000 ล้านบาท ในปี 2566-2570

ตั้งเป้าเป็น ‘The Ecosystem for All’ ที่ทุกธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง โดยมี Retail เป็นหัวใจสำคัญด้วย 3 กลยุทธ์1) ตอบโจทย์ชีวิตครบ360 องศาทั้ง Online & Offline24/7 ตลอด 365 วัน, 2) Total B2B2C Solutions ลงทุนด้าน Technology & Data-Driven Omnichannel300-500ล้านบาทต่อปี และ 3)Place Makingสร้างพื้นที่ที่ดูแลผู้คนและสิ่งแวดล้อมสู่NET Zero 2050

  • แผน 5 ปี(ปี 2566-2570)เฉลี่ยลงทุนปีละ 25,000-35,000 ล้านบาท โดยทุกธุรกิจรวมกันมีจำนวนกว่า 200โครงการ มีมิกซ์ยูส 25 โครงการ ครอบคลุม 30 เมืองในไทยและอาเซียน  
  • เผย5 Mega Projects ภายใน 5-10 ปี ยกระดับกรุงเทพฯ เทียบชั้นมาตรฐานมหานครระดับโลกโดยแต่ละโครงการจะมีพื้นที่มากกว่า 350,000 ตร.ม.และงบลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่จะเปิดคือ “Dusit Central Park” ในปี 2567-2568
  • โครงการใหม่เตรียมเปิดปี 2566-67 ได้แก่
    • ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์: เปิด‘Central Westville’ (27 ต.ค. 66)‘Marché Thonglor’ (26 มี.ค.66),โครงการใหม่ปี 2567 ได้แก่เซ็นทรัล นครสวรรค์ นครปฐม และกระบี่
    • ที่อยู่อาศัยเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,000 ล้านบาท คือคอนโด ESCENT เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช และบ้าน NIRATI นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่บ้าน NIRADA พระราม 2, อุทยานและเอกชัย
    • อาคารสำนักงานเปิดขายพื้นที่ Central Park Offices ออฟฟิตที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ พร้อมตอกย้ำความสำเร็จcentralwOrld officesและเปิด Flex spaceแบรนด์ใหม่ ‘at wOrk’
    • โรงแรม:เปิดครบ 3 แบรนด์ คือ ‘Centara Ubon’(เปิดแล้ว), ‘Centara Ayutthaya’ (ต.ค. 66), ‘Centara One Rayong’ (ธ.ค.66), ‘GO! Hotel’ เปิดที่โรบินสันบ้านฉาง(เม.ย. 66),เซ็นทรัล ศรีราชา (มิ.ย. 66) และเซ็นทรัล ชลบุรี(มิ.ย. 66)

กรุงเทพฯบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน เผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจประกาศพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการ Synergy ธุรกิจหลัก ได้แก่ Retail ที่เป็นหัวใจหลักในการสร้างความแข็งแกร่งของระบบทั้งหมดเชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนทั้ง Online & Offlineครบทั้ง 360 องศา และขยายไปสู่ธุรกิจ New Assetsอื่นๆ ที่จะสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เรามองเห็นโอกาสใหม่ๆ ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all โดยตลอดระยะเวลา 42 ปี เซ็นทรัลพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนา พร้อมยึดมั่นในแนวคิด Centre of Lifeมาตลอดซึ่งเราได้ทำให้เกิดขึ้นจริงแล้วทั่วประเทศโดยไม่เพียงสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจศูนย์การค้า แต่ยังขยายไปสู่ธุรกิจคอมมูนิตี้ มอลล์, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาให้ทุกส่วนเชื่อมโยงถึงกันแบบ Seamless Synergy และยังเชื่อมต่อไปสู่พันธมิตรธุรกิจ ผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้น เราจึงต้องการสร้าง ‘วิวัฒนาการ’ ให้เกิดขึ้น เดินหน้าสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น ‘The Ecosystem for All’ โดยมีธุรกิจ Retail เป็นแกนหลัก ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

  1. The 360-Degree Centre of Life: เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครบทุกองศาทั้ง Offline & Onlineทั้ง shop-eat-work-play-stay-live ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 365 วัน ทุกที่ ทั่วประเทศโดยภายใน 5 ปี ทราฟฟิคในโครงการของเราจะเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านคนเป็น 1.8 ล้านคนต่อวัน หรือคิดเป็นการมาใช้บริการ 657 ล้านครั้งต่อปีสำหรับในปี2566นี้จะมีมิกซ์ยูสที่ครบทุกองค์ประกอบเพิ่มขึ้นได้แก่ เซ็นทรัล อุบลราชธานี, เซ็นทรัล อยุธยา และเซ็นทรัล ระยอง

โดยในแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) ลงทุนทุกธุรกิจรวมกว่า135,000ล้านบาท เฉลี่ยปีละ25,000-30,000 ล้านบาทโดยมีทั้งหมดมากกว่า200 โครงการ ครอบคุลม 30 เมืองในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนประกอบด้วย ศูนย์การค้า 50แห่ง, คอมมูนิตี้ มอลล์ 17แห่ง, ที่อยู่อาศัย 90แห่ง, โรงแรม 37แห่ง, อาคารสำนักงาน13แห่ง และพื้นที่ใหม่ๆ Flex Offices อีก 4 แห่งโดยจะทำให้จำนวนโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มขึ้นจาก 18 โครงการในปี 2566 เป็น25 โครงการในปี 2570

นอกจากนี้ยังได้วางแผนระยะยาว 5-10 ปีในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส Mega Projects รวม 5 โครงการซึ่งจะยกมาตรฐานให้กรุงเทพฯ เทียบเท่ามหานครระดับโลก อย่างนิวยอร์ก, โตเกียว หรือโซล โดยโครงการแรก Dusit Central Parkจะทยอยเปิดตัวในปี 2567-2568รวมถึงอีก 4 โครงการใหญ่ที่แต่ละโครงการมีพื้นที่ GFA กว่า 350,000 ตร.ม. และเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท

  • Total B2B2C Solutions:การเชื่อมโยงการทำธุรกิจของพันธมิตรคู่ค้า สู่การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ครบวงจรด้วยการลงทุนด้าน Digital Transformation & Technology Infrastructure ปีละ 300-500 ล้านบาทโดยได้มีการพัฒนา Data-driven Omnichannel ที่มีประโยชน์กับลูกค้า คู่ค้า และสังคม
  • The Place Making for Sustainable Future:ให้ความสำคัญทั้งด้าน ‘คน’ด้วยการส่งเสริม Local Wealth โดยใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีพนักงานกว่า 6,500 คน พร้อมผลักดันการจ้างงานในEcosystem อีกกว่า 100,000 ตำแหน่ง การเปิดพื้นที่ค้าขายฟรีให้เกษตรกรและ SMEs ทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาทต่อปี และการสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐและ CSR รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงการดูแล ‘สิ่งแวดล้อม’เดินหน้าตามโรดแมป NET Zero 2050อาทิการประหยัดพลังงานไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท, ติดตั้งSolar Rooftop และขยายEV Charger Stationอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ, การเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึงการจัดการขยะและขยาย Recycle Shops ในศูนย์การค้า”

นอกจากนี้ทีมผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา ได้แก่ ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล, รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ, นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บัญชีและบริหารความเสี่ยง, วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์, Head of Community Mall and International Business Development,กรีเดชชัยPresident, Residential Business,สุรางค์ จิรัฐติกาลโชติ Head of Hotel Development, และภูมิจิราธิวัฒน์, Head of hotels and Alternative Investmentsได้ร่วมกันเปิดเผยแผนธุรกิจในส่วนต่างๆ ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ‘The Ecosystem for All” ดังนี้

ธุรกิจศูนย์การค้าในฐานะหัวใจสำคัญของ Ecosystem เน้นการเป็น No.1 Market Leader โดยมีไฮไลท์สำคัญ ได้แก่

  1. การเปิดตัว4 โครงการใหม่ในปี 2566-2567:       
  2. Central Westville เปิด Q4/2566 งบลงทุนกว่า 6,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น The Next Evolution of Semi-Outdoor Model ที่จะพลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ ตอนนี้ Occupancy ร้านค้าเกือบเต็ม 100% ตอกย้ำความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ Central Eastville
  3. Central Nakhon Sawan เปิด Q1/2567 งบลงทุน 5,800 ล้านบาทและ Central Nakhon Pathomเปิด Q2/2567 งบลงทุน 8,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ยกระดับศักยภาพของภูมิภาค เชื่อมต่อโซนภาคเหนือ และขยายสู่ภาคตะวันตกของประเทศ
  4. เผยโครงการใหม่ล่าสุดCentral Krabiงบลงทุน 4,500ล้านบาท เปิดช่วง Q4/2567มิกซ์ยูสเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็น The New Gateway to Southern Paradise ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ประกอบด้วยศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และโรงแรม เติมเต็มศักยภาพของกระบี่ที่เป็นเมืองที่มี world’s most famous islands และเป็น Top 5 จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยจะเป็น the first & largest complete landmark ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ
  5. การขยายและรีโนเวทเพื่อ สร้าง Big Impactได้แก่เซ็นทรัล พัทยา ที่ได้มีการปรับโฉมโรงแรม Hilton ทำให้มียอดเข้าพักมากกว่าปี 2019 แล้วและเตรียมรีโนเวทศูนย์การค้า เพิ่มโซนต่างๆ ตอบรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยจะมีแบรนด์ Bridgeline และ luxury เพิ่มเติมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่นิยมสินค้าแบรนด์เนม ความสำเร็จของCentral Ramindraที่มีทราฟฟิคเพิ่มขึ้นเท่าตัว เตรียมเดินหน้าส่วนขยายของ Central Westgateที่ประสบความสำเร็จเป็น Super Regional Mall ที่ทราฟฟิกดีต่อเนื่อง เติมเต็มด้วย New Anchor ใหญ่ ขยายพื้นที่ค้าขายเพิ่มและเพิ่มอาคารจอดรถและยังมี Renovation อื่นๆ ที่ตั้งใจทำให้เป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดของทุกย่าน อีกทั้ง ยังมีการปรับโฉมเซ็นทรัล อุบลราชธานี เตรียมรับโรงแรม Centara เติมเต็มมิกซ์ยูส, รวมถึงเซ็นทรัล มารีนา ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ เชียงใหม่ขอนแก่น อีกด้วย 
  6. เป็น Experiential Place Makingระดับโลก นำโดยcentralwOrldตอกย้ำGlobal Landmark ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยแบรนด์ระดับโลกเลือกมาเปิดตัวเป็นที่แรกเตรียมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้แก่ ร้านเบอร์เกอร์ระดับโลก Shake Shack ที่เตรียมเปิดปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นสาขาแรกในไทยรวมถึงCentral Phuketซึ่งเป็น Luxury mall แห่งเดียวของไทยที่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เตรียมต้อนรับแบรนด์ลักชูรี่ระดับโลก
  7. เดินหน้า5 Mega Mixed-use Projectsที่แต่ละโครงการใหญ่เทียบเท่าcentralwOrld นำโดยโครงการDusit Central Parkภายใต้การร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานีงบลงทุนรวม 46,000 ล้านบาทซึ่งเป็นOne-of-a-kind Mixed-Use Project ระดับโลก ที่เชื่อมพื้นที่สีเขียวให้เข้ากับชีวิตเมืองได้อย่างลงตัว โดยมี 4 องค์ประกอบที่สำคัญที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อโดยมีศูนย์การค้า‘Central Park’ที่เชื่อมต่อทุกส่วนเข้าด้วยกัน โดยมีคอนเซ็ปต์ ‘Here for curated experience and inspiration’ ที่จะสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ให้คนกรุงเทพ, อาคารสำนักงาน‘Central Park Offices’ระดับGrade A+ ที่ตั้งใจจะเป็น Global Prototype ของFuture Workplace, Ultra-Luxury Branded Residence, และโรงแรมระดับ Global Legendary Iconicแห่งเดียวของไทย

ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์เปิดตัวโปรเจ็คใหญ่ Marché Thonglorมูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท(Soft Launch 26 มี.ค. 66) เป็น Flagship of Community mall และ New Landmark ที่ใหญ่และครบครันที่สุดใจกลางทองหล่อจับกลุ่มกำลังซื้อสูง, คนทำงานจาก Office ที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน, และ Expatชาวต่างชาติ เติมเต็มด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 2,300 ตร.ม./Pet-Friendly/ เป็น Food Destination ใหญ่ที่สุดในย่านมีที่จอดรถ 24 ชม.และยังจะพัฒนาโครงการปัจจุบันที่นวมินทร์ ซิตี้ และปรับปรุง4 แห่งในปีนี้

ธุรกิจที่อยู่อาศัย ชูกลยุทธ์สำคัญคือBest Location& Best in class ในทุกโลเคชั่นอยู่ติดหรือใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเริ่มขยายโปรเจ็คที่อยู่ติดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ด้วย โดยนำจุดแข็งในเรื่องการทำ Synergy กับแบรนด์ชั้นนำ ในเครือ Central Group แผนปี 2566เตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม3 โครงการ คือESCENT เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช และโครงการแนวราบ 4 โครงการ คือ บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่ บ้านนิรดา พระราม 2, อุทยานและเอกชัย ในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าภายในปี 2570 จะครอบคลุม 27 จังหวัด นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่Central Pattana Residents รวมทุกความสะดวกสบายเพื่อการอยู่อาศัยไว้ในแอปเดียว เพื่อลูกบ้านโดยเฉพาะ

ธุรกิจอาคารสำนักงาน ชูจุดแข็งStrategic Locations in CBD Bangkokโดยเตรียมเปิดเผยโปรเจ็คใหญ่ Central Park Officesภายในโครงการ Dusit Central Park โดยเป็น World-Class Professional Hub แห่งใหม่รองรับบริษัทชั้นนำระดับโลก บนโลเคชั่นSuper Core CBDเป็น interchange station ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT และมีพื้นที่สีเขียวทั้งจาก Rooftop Park ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินี และบนชั้นพิเศษ ยังมี Private Outdoor Gardens อีกด้วย และเป็น World-Class Design and Facilitiesมุ่งเน้นการพัฒนาตามมาตรฐาน World-class LEED Gold Certified และการ Customized พื้นที่เพื่อธุรกิจทุกขนาด

ธุรกิจโรงแรมชูความเชี่ยวชาญของเซ็นทรัลพัฒนาในการพัฒนาทำเลศักยภาพและเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมยกระดับมาตรฐานการเข้าพักอาศัยในโรงแรมและตอบโจทย์ทุกจุดประสงค์ของการเดินทางในปี 2566 นี้จะเปิดโรงแรมครบทุก 3 แบรนด์และจะมีโรงแรมทั้งสิ้น10 แห่ง 1,600 ห้อง สำหรับโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดปีนี้ ได้แก่ 1)แบรนด์ Centara: UpscaleFull-Service เตรียมเปิด Centara Ubon’ และ ‘Centara Ayutthaya’,2) แบรนด์ Centara One: Lifestyle Midscale เตรียมเปิดแห่งแรกคือ Centara One Rayongและ 3) แบรนด์ GO! Hotel:Premium Budget Hotelและเป็น Pet-Friendly เตรียมเปิดที่โรบินสันบ้านฉาง,เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)ขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคุณภาพผู้คนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“Aura Wellness” บริษัทแม่ของ Aura Bangkok Clinic ทุบสถิติรายได้ทะลุ 1,200 ล้าน
โก โฮลเซลล์ ลุยต่อรับตรุษจีน เปิดสาขา “ขอนแก่น” บุกอีสานต่อเนื่อง เดินหน้ากลยุทธ์เจาะหัวเมืองใหญ่ รับการเติบโตทางเศรษฐกิจและธุรกิจร้านอาหาร
ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ชำระค่าคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 มูลค่า 1,881,488,000 บาท
โฮลเซลล์ – เบทาโกร ปลื้มกิจกรรมคอร์สเรียน “เดอะ ฟู้ด สคูล แบงคอก” ผู้ประกอบการยุคใหม่ สนใจเติมเต็มความรู้ พัฒนาธุรกิจร้านอาหาร
“ออริจิ้น” เริ่มก่อสร้างโครงการที่ 2 “ออริจิ้น เพลสขอนแก่น กัลปพฤกษ์”คอนโดหรูทำเลใจกลางเมืองขอนแก่น ส่วนกลางครบครัน
มิดัส พีอาร์ ตอกย้ำความเป็นเลิศของวงการประชาสัมพันธ์ไทย ผงาดคว้าสามรางวัลใหญ่ ณ ค่ำคืนอันทรงเกียรติในงาน PRCA Thailand Awards 2024