วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

เผย ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซียฯ

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (7 พฤษภาคม 2567) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงฯ เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย พ.ศ. 2547 เพื่อขยายขอบเขตวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนโครงการวิจัยและการใช้ประโยชน์จากกองทุนเงินบำรุงการวิจัยให้กว้างขึ้น ซึ่งจะสามารถสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น ได้แก่ 

1) การสนับสนุนโครงการวิจัยใด ๆ สำหรับการสำรวจหรือการแสวงประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วม โดยให้ครอบคลุมหัวข้อการวิจัยที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนา ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยเฉพาะการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน (CCS) และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCUS) 

2) การบริหารและการประเมินผลโครงการวิจัย ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการประชุมและการเดินทางของคณะอนุกรรมการพิจารณาการใช้เงินบำรุงการวิจัยกองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและผู้ประเมินทางเทคนิค และค่าดำเนินการเพื่อคัดเลือกโครงการวิจัย และบริหารจัดการเพื่อเริ่มโครงการ ตลอดจนการติดตามและประเมินผลโครงการวิจัยซึ่งต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของต้นทุนโครงการแต่ละโครงการ 

3) ค่าใช้จ่ายสำหรับที่ปรึกษาคนไทยและมาเลเซียในโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการวิจัยในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย สำหรับการสำรวจหรือแสวงหาประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมฯ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีอำนาจในการเสนอโครงการวิจัยของประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้สนใจหรือนักวิจัยโดยเฉพาะคนไทยและมาเลเซียได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการสำรวจหรือแสวงประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยสำหรับประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า กระทรวงพลังงานมีแผนให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 พร้อมกันทั้งสองประเทศ แต่ในชั้นการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงปรากฏข้อเท็จจริงว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ภายในวันดังกล่าวได้ จึงเห็นควรให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามหลักปกติที่กำหนดไว้ในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 และในทางปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถประสานงานเพื่อดำเนินการให้กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับในวันเดียวกันได้ต่อไป

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 7003315842a3e5554.jpeg tz01.jpeg 2_07b2fa84021c11013.jpeg sm02.jpeg green-white-background06.jpeg cropped-kk0012-scaled-3.jpeg ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ radio20766.gif


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เผย สถิติแจ้งความออนไลน์ 1 – 31 กรกฎาคม 67 มูลค่าความเสียหายรวม 3,471,379,963 บาท 
ปักหมุดพัฒนาสตาร์ทอัพไทย สนับสนุนการจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2024 : SITE 2024
กรมการจัดหางาน เร่งขยายผลขบวนการนำพาคนหางานเก็บผลไม้ป่าฟินแลนด์ผิดกฎหมาย ย้ำขณะนี้ยังชะลอจัดส่งแรงงานไทยทำงานเก็บผลไม้ป่า
รัฐบาลเดินเครื่องยนต์ภาคการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขยายวีซ่าฟรีเพิ่มเป็น 60 วัน สำหรับ 93 ประเทศ
รัฐบาลยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพทั่วประเทศ มีผลบังคับใช้แล้ว 140 แห่ง
ยกระดับอุตสาหกรรมโดรนเพื่อการเกษตร ผ่านการสนับสนุนโครงการ “1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) One Tambon One Digital” สร้างระบบนิเวศทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก