วันจันทร์, 29 เมษายน 2567

เผยผลประเทศไทยอันดับ 1 ประเทศผู้ผลิตยานยนต์มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และอันดับด้านการแพทย์ดีที่สุดระดับโลก 

โฆษกรัฐบาล เผยผลประเทศไทยอันดับ 1 ประเทศผู้ผลิตยานยนต์มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และอันดับด้านการแพทย์ดีที่สุดระดับโลก ตอกย้ำศักยภาพประเทศตามวิสัยทัศน์นายกฯ

ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) ศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub)

วันนี้ (25 มีนาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศวิสัยทัศน์ 8 ด้าน ให้ไทยก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในภูมิภาค โดยมุ่งมั่นส่งเสริมทุกด้านที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และเป็นด้านที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) และศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) ทั้งนี้ เห็นความคืบหน้าจาก ไทยครองอันดับ 1 ประเทศผลิตรถยนต์มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2566 และผลการจัดอันดับ 250 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ. 2567 (250 World’s Best Hospitals 2024) ที่จัดให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ของไทย อยู่ในอันดับที่ 130 (สูงกว่าปีที่แล้วที่เคยอยู่ในอันดับที่ 182) 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงผลสำรวจจำนวนการผลิตรถยนต์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งจัดโดยสมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียน พบว่าไทยได้ครองอันดับหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดในปี 2566 จำนวนการผลิตรถยนต์ของไทยอยู่ที่ 1,841,663 คัน ด้วยจุดแข็งที่รัฐบาลสนับสนุนการลงทุน และสนับสนุนบรรยากาศแวดล้อมที่เหมาะสมกับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของแรงงานมีฝีมือไทยให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในสายตานานาชาติ รวมทั้งปัจจัยด้านการขนส่ง จึงทำให้ไทยมีฐานการผลิตของบริษัทรถยนต์ชั้นนำจากทั่วโลก ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งรักษามาตรฐานการผลิตและการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของไทย

พร้อมกันนี้ นิตยสาร Newsweek ประกาศผลการจัดอันดับ 250 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกประจำปีพ.ศ. 2567 ( 250 World’s Best Hospitals 2024) โดยมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ของไทย อยู่ในอันดับที่ 130 (สูงกว่าปีที่แล้วที่เคยอยู่ในอันดับที่ 182 ) World’s Best Hospitals 2024 – Newsweek Rankings และการจัดอันดับ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทยปี 2567 (World’s Best Hospitals 2024 – Thailand) จำนวน 30 แห่ง มีโรงพยาบาลรัฐบาลหรือในกำกับของรัฐติดอันดับรวม 12 แห่ง ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3 แห่ง World’s Best Hospitals 2024 – Thailand (newsweek.com) ด้วยการวัดผลคะแนนจากเกณฑ์ 4 ด้าน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566 ได้แก่ 1) การสำรวจออนไลน์จากแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากกว่า 85,000 ราย จากโรงพยาบาล 2,400 แห่ง ใน 30 ประเทศ 2) ความพึงพอใจของผู้ป่วยหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 3) ดัชนีคุณภาพของโรงพยาบาลที่ครอบคลุมถึงมาตรการด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยของผู้ป่วยและอัตราส่วนผู้ป่วย/แพทย์หรือพยาบาลต่อผู้ป่วย และ 4) การใช้แบบประเมินผลลัพธ์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย (Patient Reported Outcome Measures: PROMs) จึงเป็นการตอกย้ำศักยภาพด้านการแพทย์ของไทย 

“นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และมีแนวทางการทำงานที่จะเห็นผลความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศไป 8 ด้าน โดยเห็นความคืบหน้าของความสำเร็จในทุกด้าน เชื่อมั่นว่าสามารถขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ รวมทั้งศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคตเพื่อสร้างเม็ดเงินในระบบให้ประเทศได้ในไม่ช้า พร้อมขอบคุณที่ทุกภาคส่วน ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคสังคม ประชาชน พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการผลักดันวิสัยทัศน์ตามที่ได้ประกาศไปจนเห็นความคืบหน้าในผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง” นายชัย กล่าว

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 7003315842a3e5554.jpeg tz01.jpeg 2_07b2fa84021c11013.jpeg sm02.jpeg green-white-background06.jpeg cropped-kk0012-scaled-3.jpeg ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ radio20766.gif


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“รัดเกล้า” ชวนตื่นเต้น​ ลุ้น เชียร์​ หาก F1 เกิดขึ้นในไทยจริง จะดึงนักท่องเที่ยวได้ถึง​ 3 แสน​
ย้ำ วันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค. นี้ นายจ้างต้องให้ลูกจ้างหยุดงานและจ่ายค่าจ้างปกติ
เผยผลสำเร็จการจัดงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกว่า 7 แสน 8 หมื่น คน ยอดขายในงานกว่า 9 ล้านบาท
โฆษกรัฐบาลเผยรายงานข้อมูลสถิติตัวเลขการเกิดอุบติเหตุน้อยลง รัฐบาลขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันดูแลให้เทศกาลสงกรานต์ 2567 นี้เต็มไปด้วยความสุข
รัฐบาลกระตุ้นส่งเสริมการลงทุนจัดงานมหกรรมดนตรี และเทศกาลนานาชาติ จุดประกายให้ไทยเป็นเป้าหมายการจัดงานระดับโลก
ครม. มีมติเห็นชอบการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง เพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2567