วันเสาร์, 10 พฤษภาคม 2568

ครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมไทย-จีน สู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันอย่างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย – จีน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมซึ่งเป็นข้อหารือราชการระหว่างกันโดยไม่มีการลงนาม ในโอกาสการเยือนไทยของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายสี จิ้นผิง ช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 17 – 19 พ.ย. 2565 ร่างถ้อยแถลงร่วมมีประเด็นข้อราชการที่สำคัญ อาทิ
 
1.การขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านในปี 2565 นี้ และการเตรียมการสู่การครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ในปี 2568
 
2.การย้ำท่าทีทางการเมืองในการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน
 
3.การส่งเสริมการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยง รวมถึงการขับเคลื่อนแนวคิดการสร้างระเบียงการพัฒนาความเชื่อมโยงไทย – ลาว – จีน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า และเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีของจีน โดยเฉพาะสาขาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า
 
4.การส่งเสริมความร่วมมือในด้านอื่น ๆ อาทิ สาธารณสุข การลดความยากจนและการพัฒนาชนบท และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะยาเสพติด การพนันออนไลน์ และขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์
 
5.การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน การกลับมาทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศไทยกับจีน ร่วมมือกันฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง  และเพิ่มความร่วมมือด้านการศึกษาวัฒนธรรม สื่อ และข้อมูลข่าวสาร
 
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ร่างถ้อยแถลงได้ระบุถึงการดำเนินการร่วมกันตามแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย – จีน พ.ศ.2565 – 2569 และแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่าด้วยการร่วมกันส่งเสริมเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งวันนี้ ครม.มีมติเห็นชอบเอกสารทั้ง 2 ฉบับเช่นกัน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
 
ฉบับแรก คือ แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย – จีน พ.ศ.2565 – 2569 นี้ เป็นแผนฉบับที่ 4 ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์และกรอบความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนในระยะ 5 ปี โดยกำหนดกรอบความร่วมมือที่จะดำเนินการร่วมกันใน 18 สาขา อาทิ 1.การเมือง เช่น ฝ่ายจีนเคารพเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย 2.การทหารและความมั่นคง เช่น แลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือในทุกระดับระหว่างกองทัพและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย  3.เศรษฐกิจการค้าและการลงทุน  เช่น ส่งเสริมความเชื่อมโยงทางการค้า อำนวย ความสะดวกทางการค้า ประสานและวางแผนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในด้านต่างๆ สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน เสริมสร้างการประสานระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย กับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (GBA) ของจีน 4.เกษตรกรรม เช่น เพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการเกษตร อำนวยความสะดวกการนำเข้าผลไม้ กระชับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในประเด็นเกษตรอัจฉริยะ เกษตรสีเขียว เทคโนโลยี ดิจิทัล และนวัตกรรมทางการเกษตร ความปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหาร
 
ฉบับที่สอง คือ แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่าด้วยการร่วมกันส่งเสริมเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ อาทิ เพื่อให้การพัฒนามีมาตรฐานสูง มีความยั่งยืน และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือสายแถบและเส้นทางที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละฝ่าย เพิ่มพูนความร่วมมือด้านรถไฟ ทางหลวง การขนส่งทางทะเล ท่าอากาศยาน พลังงาน การสื่อสาร อวกาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการลงทุน การค้า และพิธีการทางศุลกากร โดยขับเคลื่อนความร่วมมือใน 5 สาขา ตามแนวคิดหลักของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ได้แก่ การประสานนโยบาย การเชื่อมโยงด้านสิ่งอำนวยความสะดวก การค้าอย่างไร้อุปสรรค การบูรณาการทางการเงิน และตความสัมพันธ์ในระดับประชาชน

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“Aura Wellness” บริษัทแม่ของ Aura Bangkok Clinic ทุบสถิติรายได้ทะลุ 1,200 ล้าน
โก โฮลเซลล์ ลุยต่อรับตรุษจีน เปิดสาขา “ขอนแก่น” บุกอีสานต่อเนื่อง เดินหน้ากลยุทธ์เจาะหัวเมืองใหญ่ รับการเติบโตทางเศรษฐกิจและธุรกิจร้านอาหาร
ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ชำระค่าคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 มูลค่า 1,881,488,000 บาท
โฮลเซลล์ – เบทาโกร ปลื้มกิจกรรมคอร์สเรียน “เดอะ ฟู้ด สคูล แบงคอก” ผู้ประกอบการยุคใหม่ สนใจเติมเต็มความรู้ พัฒนาธุรกิจร้านอาหาร
“ออริจิ้น” เริ่มก่อสร้างโครงการที่ 2 “ออริจิ้น เพลสขอนแก่น กัลปพฤกษ์”คอนโดหรูทำเลใจกลางเมืองขอนแก่น ส่วนกลางครบครัน
มิดัส พีอาร์ ตอกย้ำความเป็นเลิศของวงการประชาสัมพันธ์ไทย ผงาดคว้าสามรางวัลใหญ่ ณ ค่ำคืนอันทรงเกียรติในงาน PRCA Thailand Awards 2024