นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. (19 ธันวาคม 2566) มีมติรับทราบและพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 และในวันนี้ได้นำเสนอ ครม. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. แก้ไขหลักเกณฑ์ภายใต้มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะแรก (EV3)
1.1 ขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวกับรุ่นที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3 กรณีที่นำเข้ามาก่อนวันที่ 1 ม.ค. 65 โดยให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 และจำหน่ายแก่ผู้บริโภคหลังจากรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3
1.2 ขยายระยะเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิฯ จากเดิม “จดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 66” เป็น จำหน่ายภายใน 31 ธ.ค. 66 และจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ม.ค. 67” เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและ โดยให้กรมสรรพสามิตแก้ไขประกาศต่อไป
2. มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV3.5) ที่จะมีผลบังคับในช่วงปี 2567-2570 โดยครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า นั้นมีความแตกต่างจากมาตรการระยะแรก (EV3) ด้วยหลักการ “ให้เงินอุดหนุนจากภาครัฐน้อยลง และเพิ่มอัตราส่วนของการผลิตภายในประเทศชดเชยมากขึ้น” โดยมีมาตรการสำคัญ 4 ด้านด้วยกันดังนี้
- สิทธิประโยชน์สำหรับรถยนต์แต่ละประเภท
ประเภทรถ | ขนาดแบตเตอรี่ | เงินอุดหนุน (บาท/คัน) | ลดอากร ขาเข้า CBU | ลดภาษีสรรพสามิต |
---|---|---|---|---|
รถยนต์นั่ง (ไม่เกิน 2 ล้านบาท) | ตั้งแต่ 50 kWh | 100,000 ในปีที่ 1 75,000 ในปีที่ 2 50,000 ในปีที่ 3-4 | ลดอัตราไม่เกินร้อยละ 40 (นำเข้าช่วงปี 2567-2568) | ลดจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 |
10 – <50 kWh | 50,000 ในปีที่ 1 35,000 ในปีที่ 2 25,000 ในปีที่ 3-4 | |||
รถยนต์นั่ง (เกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท) | ตั้งแต่ 50 kWh | – | อัตราปกติ | ลดจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 |
รถกระบะ (ไม่เกิน 2 ล้านบาท) | ตั้งแต่ 50 kWh | 100,000 (เฉพาะส่วนที่ผลิตในประเทศ) | อัตราปกติ | อัตราปกติ |
รถจักรยานยนต์ (ไม่เกิน 150,000 บาท) | ตั้งแต่ 3 kWh | 10,000 (เฉพาะส่วนที่ผลิตในประเทศ) | อัตราปกติ | อัตราปกติ |
- ในส่วนการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1:2 ของจำนวนนำเข้าในช่วงปี 2567-2568 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) หรือผลิตชดเชยภายในปี 2570 ในอัตราส่วน 1:3 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 3 คัน)
- กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมโดยแบตเตอรี่รถยนต์นำเข้าและแบตเตอรี่รถยนต์ที่ผลิตในประเทศต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ไฟฟ้าที่รองรับการชาร์จเร็ว (Quick Charge)
- ผู้ประกอบการรายเดิมที่เข้าร่วมมาตรการ EV3 และมีความประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ให้สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ได้โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละมาตรการ
3. การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2570 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามมาตรการ EV3 ในส่วนที่ขาด และ EV3.5 สำหรับวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการ EV3.5 ประกอบด้วย วงเงินสำหรับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุน และวงเงินสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งสิ้น 34,060 ล้านบาท
ในขณะที่การสนับสนุนงบประมาณสำหรับมาตรการ EV3 ในส่วนที่ขาดนั้น บอร์ดอีวีได้ให้ความเห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนภายใต้มาตรการ EV3 เพิ่มเติมดังนี้
- ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2567 เพื่อใช้ในการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 วงเงินงบประมาณ 7,125.63 ล้านบาท
- ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567-2568 เพื่อใช้ในการ เบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3 กรอบวงเงิน 38,868.69 ล้านบาท (โดยแบ่งเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 12,179 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 26,689.69 ล้านบาท)