วันพุธ, 28 พฤษภาคม 2568

“FETCO ร่วมกับ CMDF จัดสัมมนาเสนอแนวทางการพัฒนาตลาดการเงิน Private Market ส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจนวัตกรรมในประเทศไทย”

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ร่วมกับ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)  จัดสัมมนา “Private Market: โอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย” เผยผลการศึกษาแนวทางการส่งเสริมระบบนิเวศ Startup ด้วยโครงการร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงโอกาสในการพัฒนาตลาด Private Debt ในประเทศไทย พร้อมข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตลาดทุนและธุรกิจนวัตกรรมของประเทศไทย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟัง

งานสัมมนา “Private Market: โอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย” จัดขึ้น โดยมี ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เป็นประธานกล่าวต้อนรับและเปิดงาน และได้ให้ความเห็นว่าการจัดงานสัมมนาในวันนี้จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนาตลาด Private Market ในประเทศไทย ทั้งธุรกิจ Private Debt และธุรกิจ Venture Capital (VC) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสและทางเลือกให้กับทั้งผู้ระดมทุนและนักลงทุน รวมถึงการส่งเสริม Startup และธุรกิจนวัตกรรมในประเทศไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยได้ดียิ่งขึ้น

คุณชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้แสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การส่งเสริมการลงทุนใน Innovative Business ของประเทศไทย” โดยกล่าวว่า “จากยุทธศาสตร์ใหม่ของบีโอไอที่ได้เริ่มใช้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการลงทุน เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่ “เศรษฐกิจใหม่” ซึ่งมีเป้าหมายหลักที่ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้บรรลุผล 3 ประการ ประกอบด้วย (1) Innovative เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ (2) Competitive เป็นเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถปรับตัวเร็ว และสร้างการเติบโตสูง  และ (3) Inclusive เป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งการสร้างโอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ ในการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์นั้น จำเป็นต้องสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบีโอไอจะใช้เครื่องมือสำคัญเพื่อขับเคลื่อนให้บรรลุผลดังกล่าวผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี การให้บริการแบบครบวงจร และการสร้างระบบนิเวศให้เอื้อต่อการลงทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยพร้อมจะร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน เพื่อไปสู่เป้าหมายและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ”

ดร.เมธินี จงสฤษดิ์หวัง กรรมการผู้จัดการ ดีลอยท์ คอนซัลติ้ง กล่าวถึงผลการศึกษา “Private Debt Feasibility Study: Opportunities for the Thai Capital Market” ของดีลอยท์ คอนซัลติ้ง ว่า “บริษัทขนาดกลางที่เพิ่งเกิดขึ้นและมีผลประกอบการที่ดีและมีศักยภาพ กำลังพบข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ โดยพบว่า ในต่างประเทศที่มีปัญหาคล้ายกัน การทำให้มี private debt ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม จะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ โดยผลการศึกษา “Future of the Thai Startup and Venture Capital Ecosystem” พบว่าปัญหาที่ Startup ไทยเผชิญอยู่เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน เงินทุนระยะเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อ Startup ในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ VC หลายๆ แห่งมองว่าระบบนิเวศ Startup ในไทยยังมีขนาดเล็กและไม่ได้พัฒนามากนัก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนานี้”

คุณชนันต์ ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เปิดเผยว่า CMDF สนับสนุนการศึกษาดังกล่าวเป็นการมองภาพการพัฒนาตลาดทุนในอนาคต จึงอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับ Stakeholders ในประเทศ เพื่อเปิดรับการเปลี่ยนแปลงอันจะนำไปสู่การพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดย CMDF คาดหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับนำข้อเสนอจากงานสัมมนานี้เพื่อพิจารณายกระบบนิเวศในตลาดทุนต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “Private Investment and Innovation of Thailand” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดย คุณศรัณย์ สุตันติวรคุณ นายกสมาคมไทย        ผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Thai Venture Capital Association-TVCA) ได้ให้ความเห็นว่า “จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการและความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจถือเป็นเป้าหมายชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่มาหลายชั่วอายุคน ประเทศไทยมีศักยภาพ คือมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และมีพัฒนาการอยู่ในระดับแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงบุคลากรที่มีความสามารถ จึงพร้อมที่จะทำให้ความฝันดังกล่าวของประชาชนกลายเป็นความจริงได้ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ขณะนี้เรากำลังตกอยู่ในภาวะสงครามซึ่งไม่ได้ต่อสู้และเอาชนะกันด้วยอาวุธและกำลัง แต่เป็นการต่อสู้และเอาชนะกันด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและทรัพยากรทางการเงิน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าแห่งนวัตกรรมในภูมิภาค เรากำลังแพ้สงครามนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้เราสูญเสียอิสรภาพทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่ต่างชาติ ภาคเอกชนได้พยายามต่อสู้ในแนวหน้าแล้ว แต่เพื่อให้ได้รับชัยชนะ ภาคเอกชนและภาครัฐต้องผนึกกำลังกันอย่างเต็มที่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดให้เรื่องนี้เป็น “วาระแห่งชาติ” โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนกลางในการระดมทรัพยากรที่จำเป็นทั้งบุคลากรและงบประมาณเพื่อเอาชนะสงครามในครั้งนี้ และรักษาจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการและความฝันของคนไทยให้ยังคงดำรงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป”

คุณยุทธนา ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) กล่าวว่า “เป้าหมายของสมาคม Thai Startup คือเปลี่ยนประเทศไทยจากสถานะ User เป็น Maker เรามั่นใจว่ายิ่งมีทุนสนับสนุนให้ Startup ช่วงเริ่มต้นได้มากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสสร้าง Maker ที่ผลิตนวัตกรรม Made in Thailand ส่งออกไปต่างประเทศในอนาคตได้มากเท่านั้น”

งานสัมมนา “Private Market: โอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย” จัดขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2566  ณ โรงแรม Centara Grand & Bangkok Convention Centre at Central World ผู้สนใจสามารถอ่านรายงานผลการศึกษาเรื่อง “Private Debt Feasibility Study: Opportunities for the Thai Capital Market” และ “Future of the Thai Startup and Venture Capital Ecosystem” ได้ที่เว็บไซต์ https://www.cmri.or.th/

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“Aura Wellness” บริษัทแม่ของ Aura Bangkok Clinic ทุบสถิติรายได้ทะลุ 1,200 ล้าน
โก โฮลเซลล์ ลุยต่อรับตรุษจีน เปิดสาขา “ขอนแก่น” บุกอีสานต่อเนื่อง เดินหน้ากลยุทธ์เจาะหัวเมืองใหญ่ รับการเติบโตทางเศรษฐกิจและธุรกิจร้านอาหาร
ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ชำระค่าคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 มูลค่า 1,881,488,000 บาท
โฮลเซลล์ – เบทาโกร ปลื้มกิจกรรมคอร์สเรียน “เดอะ ฟู้ด สคูล แบงคอก” ผู้ประกอบการยุคใหม่ สนใจเติมเต็มความรู้ พัฒนาธุรกิจร้านอาหาร
“ออริจิ้น” เริ่มก่อสร้างโครงการที่ 2 “ออริจิ้น เพลสขอนแก่น กัลปพฤกษ์”คอนโดหรูทำเลใจกลางเมืองขอนแก่น ส่วนกลางครบครัน
มิดัส พีอาร์ ตอกย้ำความเป็นเลิศของวงการประชาสัมพันธ์ไทย ผงาดคว้าสามรางวัลใหญ่ ณ ค่ำคืนอันทรงเกียรติในงาน PRCA Thailand Awards 2024