วันอังคาร, 14 พฤษภาคม 2567

สธ. แถลงข่าววันงดสูบบุหรี่โลก 2566 ภายใด้แนวคิด “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ ศจย. สสส. มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และภาคีที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมแถลงข่าววันงดสูบบุหรี่โลก เนื่องจากวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี  ซึ่งปีนี้ได้รณรงค์ภายใต้คำขวัญ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติดอันตราย” เพื่อป้องกันเยาวชนและประชาชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ

*นพ.ธเรศ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลกโดยในปีนี้ ประเทศไทยได้กำหนดประเด็นรณรงค์ คือ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” เพื่อเป็นการแสดง

ให้เห็นถึงสถานการณ์ความรุนแรง พิษภัยและอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและการเสพติด ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่จากผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่และบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากไม่มีมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง อาจส่งผลทำให้อัตราการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในภาพรวมกลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่ ผ่านมา มีมติเห็นชอบ 5 มาตรการในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้ในประเทศไทย ได้แก่ 

1.การพัฒนาและจัดการองค์ความรู้

2.สร้างความตระหนัก/รับรู้โทษ พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็ก เยาวชน รวมถึงสาธารณชน 3. เฝ้าระวังและการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 

4.พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

 5.ยืนยันนโยบาย และมาตรการป้องกันปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยได้มีการมอบหมายให้ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่

***Dr. Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นบุหรี่ ไม่มีใบยาสูบเป็นส่วนประกอบ แต่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดและมีสารเคมีอันตรายหลายชนิด องค์การอนามัยโลก จึงสนับสนุนให้ไทยออกกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการปกป้องสุขภาพประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนจากอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

***ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ในนามสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ และเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ รวมมีวิชาชีพสุขภาพ 23 องค์กร จะช่วยกันรณรงค์คุ้มครองสุขภาพอนามัยประชาชนคนไทยจากโรคภัยที่เกิดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และขอประกาศสนับสนุนให้รัฐบาลยืนหยัดกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด และขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองทุกฝ่าย ปกป้องสุขภาพประชาชน และดูแลลูกหลานไม่ให้ข้องแวะกับบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า 

***นางสาวพัทราภรณ์ แจ่มทอง ประธานชมรม GenZ Wangpong โรงเรียนวังโป่งศึกษา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ในนามของกลุ่มตัวแทนเยาวชน GenZ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่ รู้สึกไม่ดีกับผู้ใหญ่บางกลุ่มที่มุ่งเป้ามาที่เด็กและเยาวชน เพื่อหวังให้กลุ่ม GenZ มาใช้บุหรี่ซึ่งมีนิโคติน เป็นสารเสพติดมีฤทธิ์ต่อสมอง หากเยาวชนติดบุหรี่ อนาคตของชาติ ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบันมีกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ในการออกแบบบุหรี่ไฟฟ้าให้มีรูปร่าง และกลิ่นรสให้สูบง่าย ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเสพติดได้ไวกว่า รวมทั้งสูบได้สะดวกและบ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ ดังนั้นในนามของตัวแทนเยาวชน ชมรม GenZ จะร่วมมือกันสร้างสมาชิก สร้างค่านิยมให้เยาวชน “เลือกไม่สูบ” เป็นแกนนำสร้างความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และไม่สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนมีสุขภาพที่ไม่ดี สมองถูกทำลายด้วยพิษของบุหรี่ไฟฟ้า 

**ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่าเราต้องร่วมกันสร้างค่านิยม สังคมไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ขณะนี้เรากำลังอยู่ในภาวะที่เปรียบเสมือน สงครามแย่งชิงเยาวชนไทย จากปีศาจร้าย “ยาพิษนิโคติน”ในบุหรี่ไฟฟ้า ระหว่างฝ่ายสาธารณสุขและเครือข่าย ที่พยายามจะให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนถึงอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้ปฏิเสธบุหรี่ไฟฟ้า กับกลุ่มเครือข่ายล็อบบี้ยิสต์บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ที่พยายามให้ข้อมูลที่สนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่บริษัทบุหรี่ทำการตลาดพุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน และทุ่มทุนปีละมหาศาล ส่งเสริมให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อกำไรสูงสุดของธุรกิจ

***ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ข้อมูลจากทั่วโลกบ่งชี้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดผู้เสพติดนิโคตินในกลุ่มเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติดอื่นๆ ปี 2565 จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทั่วประเทศ 6,045 ราย พบว่า เยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มลองสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 5 เท่า และมีแนวโน้มสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า ศจย. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 21 เรื่อง ‘คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า’ ในระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย. พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถึงประเด็นปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในไทย และร่วมหาทางออกในการปกป้องเยาวชนจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่หลอกล่อโดยการตลาดล่าเหยื่อให้เป็นนักสูบหน้าใหม่ จากผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษอย่างบุหรี่ไฟฟ้า

 ***ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของธุรกิจยาสูบ ซึ่งเยาวชนกลุ่มนี้หากเสพติดบุหรี่จะกลายเป็นลูกค้าของธุรกิจยาสูบไปอีกหลายสิบปี สสส. และภาคีเครือช่ายจึงให้ความสำคัญเรื่องการเสมสร้างให้ประชาชนมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุรี่และ

บุหรี่ไฟฟ้า และการรเท่าทันกลยุทธ์ของธุรกิจยาสูบ เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนให้ปลอดภัยจากควันบุหรี่ โดยสนับสนุนทั้งการผลักดันโยบายด้านการควบคุมยาสูบ การพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการ และการรณรงค์ สื่อสารสังคม เพื่อให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว ตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า นำไปสู่การปรับเปลี่ยนค่านิยม ลด ละ เลิกสูบบุหรี่และการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ โดยเฉพาะการป้องกันนักสูขหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน รวมถึงกลุ่มผู้สูบหนักที่จำเป็นต้องได้รับการบำบัด และการรณรค์ไม่สูบบุหในบ้าน ป้องกันเด็กและเยาวชนอาจเลียนแบบพฤติกรรม ส่งผลให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ในอนาคต

///////

โชติกา ทวนชัยภูมิ/ภาพ/ข่าว

0966632542