วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

ครม.เห็นชอบหลักการการปรับเพิ่ม เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู สำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 ในโอกาสแรกก่อน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป สำหรับการอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก กรณีโรงเรียนเอกชนที่มีนักเรียนไม่เกิน 200 คน เป็นเวลา 4 ปี (เดือนพฤษภาคม 2567 ถึงเดือนกันยายน 2570) เห็นสมควรให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการศึกษาจากการที่เคยได้รับความช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 ว่ามีการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบก่อนเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวอีกครั้ง นอกจากนี้การกำหนดขนาดโรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้การจัดกลุ่มขนาดโรงเรียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


นายคารม กล่าวว่า การปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยปรับฐานเงินเดือนครูในการคำนวณเงินอุดหนุน จากอัตรา 15,050 บาท เป็นอัตรา 18,150 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี เริ่มดำเนินการเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ตามแนวทางการปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (26 มิถุนายน 2550) ที่อนุมัติหลักการให้การอุดหนุนเป็นเงินรายหัวนักเรียนโรงเรียนเอกชนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู โดยมีการปรับเพิ่มเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูได้ในกรณีปรับเพิ่มในอัตราเดียวกันกับการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบการปรับเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินอุดหนุนสมทบเป็นเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนเพิ่มรวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง ในช่วงปี 2547-2560 (คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560) และเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (28 พฤศจิกายน 2566) ที่เห็นชอบการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้นทุกคุณวุฒิ ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาตรีจะมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท ภายใน 2 ปี ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงเห็นควรปรับเพิ่มเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูเพื่อให้ครูในโรงเรียนเอกชนได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าวุฒิที่ทางราชการกำหนดเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น รวมทั้งขออนุมัติการอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก (จำนวนนักเรียนไม่เกิน 200 คน) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ถึงเดือนกันยายน 2570 และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาแนวทางการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่มีความเหมาะสมต่อไป รวมทั้งขอความเห็นชอบในหลักการให้ใช้งบประมาณสำหรับดำเนินการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลที่ปรับเพิ่ม สรุปได้ ดังนี้
                   1. การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู
หน่วย : บาท/คน/ปี

ระดับชั้นระยะที่ 1
(ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567)
ระยะที่ 2
(ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568)
รวม 2 ระยะ
(1) โรงเรียนเอกชนทั่วไปประเภทสามัญศึกษาและประเภทอาชีวศึกษา [ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)] (อัตราส่วนครูต่อนักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา/ประถมศึกษา 1 ต่อ 25 คน และระดับมัธยมศึกษาและระดับ ปวช. 1 ต่อ 20)
   (1.1) ระดับก่อนประถมศึกษา-ประถมศึกษา696.00792.001,488.00
   (1.2) ระดับมัธยมศึกษาและ ปวช.870.00990.001,860.00
(2) เงินอุดหนุนเพิ่มเติมจากเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนทั่วไปเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก (มีการปรับอัตราโดยการเพิ่มสัดส่วนครูต่อนักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา/ประถมศึกษา จาก 1 ต่อ 25 คน เป็น 1 ต่อ 16 คน และระดับมัธยมศึกษาและระดับ ปวช. จาก 1 ต่อ 20 คน เป็น 1 ต่อ 16)
   (2.1) ระดับก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา391.50445.50837.00
   (2.2) ระดับมัธยมศึกษาและ ปวช.217.50247.50465.00

                   2. งบประมาณเพื่อใช้สำหรับปรับอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคล
หน่วย : ล้านบาท

ปีงบประมาณ พ.ศ.แหล่งเงินงบประมาณโรงเรียนเอกชนทั่วไปประเภทสามัญศึกษาและประเภทอาชีวศึกษา
(ระดับ ปวช.)
โรงเรียนเอกชนขนาดเล็กรวม
2567
(ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2567)
งบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2567655.8121.10676.91
2568 (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567-กันยายน 2568)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 25682,320.2274.652,394.87
2569
เป็นต้นไป
(เป็นงบประมาณที่คาดว่าจะขอเพิ่มเติมเพื่อปรับฐานเงินเดือน จาก 15,050 บาท/เดือน เป็น 18,150 บาท/เดือน)
ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป  (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป สำหรับโรงเรียนเอกชนทั่วไปและปีงบประมาณ พ.ศ. 2569-2570 สำหรับโรงเรียนเอกชนขนาดเล็ก)3,365.00108.263,473.26
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 7003315842a3e5554.jpeg tz01.jpeg 2_07b2fa84021c11013.jpeg sm02.jpeg green-white-background06.jpeg cropped-kk0012-scaled-3.jpeg ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ radio20766.gif


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลห่วงใยครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดทำประกันอุบัติเหตุให้ฟรี จ่ายสูงสุด 1 แสน เชิญชวนครูและบุคลากรทางการศึกษาลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุ
เชิญชวน ผู้ประกันตน ม.33 เเละ ม.39 ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. 67
ชูประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก ทั้งด้านเกษตร-อาหาร-นวัตกรรม-เทคโนโลยีทันสมัย เร่งเครื่องเศรษฐกิจไทยพร้อมกัน 2 งานในเดือนพฤษภาคมนี้
สพฐ. ทำโครงการสนับสนุนเงินอุดหนุนรายหัว อนุบาล – ประถม – มัธยม – ปวช. พร้อมเงินสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาระผู้ปกครอง
พรุ่งนี้ดีเดย์!! 1 พฤษภาคม วันขึ้นเงินเดือนข้าราชการและ ขึ้นเงินบำนาญขั้นต่ำ
รัฐบาล จัดโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. และ อสส. รายละไม่เกิน 20,000 บาท ยื่นกู้ได้ ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 68